รู้ทันสาเหตุ อาการหายใจลำบาก หายใจไม่เต็มปอด มีแนวทางการรักษาและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
อาการหายใจลำบาก หรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งอาจสร้างความกังวลใจและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ หลายคนอาจเคยประสบกับภาวะหายใจไม่ค่อยออก โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง หรือไม่แน่ใจว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร ในบทความนี้จาก OMRON เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงลักษณะอาการ สาเหตุที่พบบ่อย รวมถึงแนวทางการรักษาและการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
อาการหายใจลำบาก มีลักษณะเป็นอย่างไร
อาการหายใจลำบาก (Dyspnea) ผู้ป่วยจะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่อิ่ม เหมือนได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอหรือต้องใช้ความพยายามในการหายใจมากกว่าปกติ ลักษณะอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- รู้สึกหายใจสั้น หายใจตื้นหรือหายใจไม่เต็มปอด
- รู้สึกแน่นหน้าอก อึดอัด เหมือนมีอะไรมารัดหรือกดทับ
- ต้องออกแรงในการหายใจเข้าหรือออกมากกว่าปกติ
- อาจมีอาการเหนื่อยง่ายเมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ
- ในบางรายอาจมีเสียงหวีดขณะหายใจ (Wheezing) หรือไอร่วมด้วย
- ตื่นกลางดึกเพราะรู้สึก หายใจไม่ค่อยออก
สาเหตุของอาการหายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก
หายใจไม่เต็มปอดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากโรคภัยไข้เจ็บและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ดังนี้
โรคระบบทางเดินหายใจ

โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจถือเป็นสาเหตุของอาการหายใจลำบากได้เป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่
- โรคหอบหืด เกิดจากการอักเสบและตีบแคบของหลอดลม ทำให้หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอกและหายใจไม่ค่อยออก
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มักพบในผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมและถุงลมโป่งพอง ส่งผลให้หายใจเหนื่อยหอบ
- โรคปอดบวม ทำให้มีไข้ ไอและหายใจลำบาก
- ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดแดงในปอด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกและหายใจลำบากเฉียบพลัน
- โรคภูมิแพ้ เมื่อสัมผัสฝุ่นละอองหรือสารก่อภูมิแพ้ อาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลและหายใจไม่ค่อยออกได้
โรคหัวใจ
เพราะหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงปอด หากหัวใจทำงานผิดปกติ ก็อาจทำให้ส่งผลต่อการหายใจได้เช่นกัน โดยโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจที่อาจทำให้มีอาการหายใจไม่เต็มปอด มีดังนี้
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจทำให้เจ็บหน้าอกและหายใจไม่เต็มปอด โดยเฉพาะขณะออกกำลังกาย
- ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีของเหลวคั่งในปอด ส่งผลให้หายใจไม่เต็มปอด โดยเฉพาะเวลานอนราบหรือออกแรง
โรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
อาการหายใจไม่อิ่มหรือหายใจไม่เต็มปอด อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาเรื้อรังของระบบกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่าและสะบัก ซึ่งมักสัมพันธ์โดยตรงกับอาการปวดในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากกล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกใช้ขณะหายใจ เช่น กล้ามเนื้อมัดเล็กที่คอ (Scalene Muscle) และกล้ามเนื้อคอด้านหน้า (Sternocleidomastoid Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ และช่วยในการหายใจ หากใช้งานกล้ามเนื้อในส่วนนี้มากเกินไป เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งสะสมเป็นก้อนปม (Trigger Point) ซึ่งไปขัดขวางการไหลเวียนเลือดและออกซิเจน ทำให้เกิดอาการปวดและส่งผลให้รู้สึก หายใจลำบากหรือหายใจไม่ค่อยออกตามมาได้
ปัจจัยอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการหายใจไม่เต็มปอด หรือหายใจลำบากได้ อาทิ ความเครียดและความวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ โรคอ้วนหรือแม้แต่การออกกำลังกายที่หนักเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการหายใจไม่สะดวกได้เช่นกัน
อาการหายใจลำบากแบบไหน ถึงควรรีบไปพบแพทย์
แม้อาการหายใจลำบาก ในบางครั้งอาจจะไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
-
อาการหายใจไม่เต็มปอดหรือหายใจลำบาก เกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง
-
มีอาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอกรุนแรง
-
ริมฝีปากหรือปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
-
มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะหรือจะเป็นลม
-
หายใจมีเสียงหวีดดังหรือไอเป็นเลือด
-
มีไข้สูงร่วมกับอาการ หายใจไม่ค่อยออก
-
อาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับการดูแลเบื้องต้นหรือมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ
อาการหายใจไม่ค่อยออก มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
ใช้เครื่องพ่นละอองยา
สำหรับผู้ที่มีอาการหายใจไม่เต็มปอด หรือหายใจไม่ค่อยออก ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง สามารถใช้เครื่องพ่นละอองยา (Nebulizer)* เพื่อช่วยขยายหลอดลมและลดการอักเสบ ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้นได้ โดยเครื่องพ่นละอองยาจะเปลี่ยนยาในรูปของเหลวให้เป็นละอองฝอยขนาดเล็ก ทำให้ยาเข้าสู่ทางเดินหายใจได้โดยตรงและออกฤทธิ์ได้เร็ว
*ทั้งนี้ การใช้เครื่องพ่นละอองยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ทุกครั้ง
บำบัดด้วยออกซิเจน
สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากโรคปอดหรือโรคหัวใจบางชนิด แพทย์อาจพิจารณาให้การบำบัดด้วยออกซิเจน เพื่อช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในร่างกาย ช่วยลดอาการหายใจลำบาก และเหนื่อยหอบได้
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุของอาการหายใจลำบาก เช่น ยาขยายหลอดลม ยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ ยาขับปัสสาวะในกรณีภาวะหัวใจล้มเหลว หรือยาปฏิชีวนะหากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย สิ่งสำคัญ คือต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ เช่น การเดิน การว่ายน้ำหรือโยคะ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจและระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการเหนื่อยง่ายและช่วยให้หายใจได้เต็มปอดมากขึ้น
อาการหายใจไม่ค่อยออก หายใจลำบาก มีวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง
การป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการเกิดอาการหายใจไม่ค่อยออก และหายใจลำบาก สามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพโดยรวม และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง PM2.5 สารเคมี หรือสารก่อภูมิแพ้ที่ทราบ หากจำเป็นต้องสัมผัสหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีควันและฝุ่นไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัยไว้ตลอดเวลา
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด หรือบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเท ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
- ไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ช่วยลดภาระการทำงานของระบบทางเดินหายใจและระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้การหายใจสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรค อย่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่
- ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจวินิจฉัยหาโรคที่อาจเป็นสาเหตุของอาการหายใจลำบาก ตั้งแต่เนิ่น ๆ

สรุปบทความ
อาการหายใจลำบาก หรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ ไปจนถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียดหรือโรคอ้วน ดังนั้น การทำความเข้าใจลักษณะอาการและสาเหตุเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการที่น่ากังวลหรือหายใจไม่ค่อยออกอย่างรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการดังกล่าวสามารถรักษาอาการเหล่านี้ได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ใช้เครื่องพ่นละอองยา เข้ารับการบำบัดด้วยออกซิเจน รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย นอกจากนี้ การป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการหายใจลำบากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Danielle Dresden. (2025). What is dyspnea?. สืบค้นจาก https://www.medicalnewstoday.com/articles/314963
กิติพล นาควิโรจน์. (ม.ป.ป.). Dyspnea. สืบค้นจาก https://www.rama.mahidol.ac.th/fammed/th/palliativecare/symptoms/doctorpalliative14th
เกษม สิริธนกุล. (2023). อาการหายใจลำบาก หายใจไม่เต็มปอด (Dyspnea). สืบค้นจาก https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/dyspnea-shortness-of-breath
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่. (2019). เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม โรคหรือไม่ใช่โรค. สืบค้นจาก https://www.bangkokhospital.com/th/bangkok/content/diagnosis-of-breathless-easily-tired-causes
โรงพยาบาลรามคำแหง. (2025). เมื่อไหร่ต้องใช้ยาพ่น อาการแบบไหนถึงใช้ยาพ่น คำตอบที่คนสงสัย. สืบค้นจาก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/84
โรงพยาบาลศิครินทร์. (ม.ป.ป.). หายใจไม่อิ่ม หายใจไม่เต็มปอด สัญญาณเตือนของโรคต่างๆ. สืบค้นจาก https://www.sikarin.com/health/หายใจไม่อิ่ม
โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์. (2022). ชวนรู้จักออกซิเจนบำบัด วิธีรักษาแบบใหม่. สืบค้นจาก https://www.synphaet.co.th/hyperbaric-oxygen-therapy/